วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

รู้เรื่องดนตรีไทย


1. ประเภทของวงดนตรีวงดนตรีที่เราพบเห็นในโอกาสต่างๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นวงดนตรีไทย วงดนตรีสากล หรือ วงดนตรีอื่นๆ ล้วนแต่มีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามชนิดและประเภทของวงดนตรีนั้นๆ ซึ่งดังนี้1.1 วงดนตรีไทยวงดนตรีไทยในปัจจุบันถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ1) วงเครื่องสาย คือ วงดนตรีที่ประกอบด้วยเครื่องสายเป็นหลัก โดยมีเครื่องเป่าเป็นส่วนประกอบ และมีเครื่องตีเป็นเครื่องประกอบจังหวะ เครื่องดนตรีเหล่านี้จะมีจำนวนมากน้อยเพียงใดจะขึ้นอยู่กับขนาดของวง ซึ่งวงเครื่องสายได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้(1) วงเครื่องสายไทย เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา และพัฒนาเป็นวงเครื่องสายที่ชัดเจนในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ วงเครื่องสายไทยประกอบด้วย วงเครื่องสายเล็ก (เครื่องเดี่ยว) และวงเครื่องสายคู่(2) วงเครื่องสายผสม ในสมัยกรุงรัตนกสินทร์มีผู้นำเอาเครื่องดนตรีของต่างชาติเข้ามาร่วมบรรเลงในวงเครื่องสาย ได้แก่ ไวโอลิน ออร์แกน ขิม และเปียโน แล้วเรียกชื่อใหม่ตามชื่อเครื่องดนตรีที่นำมาผสม เช่น วงดนตรีเครื่องสายผสมขิม เป็นต้น(3) วงเครื่องสายปี่ชวา เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยการนำวงเครื่องสายและวงกลองแขกมาผสมกัน และในสมัยนั้นเรียกว่า “วงกลองเครื่องใหญ่ ” แต่ได้มีการปรับปรุงเครื่องดนตรีบางชนิดตามความเหมาะสม2) วงปี่พาทย์ คือ วงดนตรีที่ประกอบด้วยเครื่องตีเป็นหลัก โดยมีเครื่องเป่า คือ ปี่ เป็นประธานมีเครื่องกำกับจังหวะเป็นส่วนประกอบ วงปี่พาทย์มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย และได้มีกรปรับปรุงพัฒนาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ในบรรดาวงดนตรีไทยทั้งหลายถือว่าวงปี่พาทย์เป็นวงดนตรีที่เป็นหลักฐานมั่นคงกว่าวงอื่นๆ เนื่องจากวงปี่พาทย์สามารถบรรเลงเพลงได้ครบถ้วน กว้างขวางมีเสียงเรียงลำดับมากกว่า และใช้บรรเลงในกรณีต่างๆ ได้มากมายหลายอย่าง สามารถแยกวิธีการผสมวงตามประเภทของวงและจำนวนเครื่องดนตรี ดังนี้(1) วงปี่พาทย์ไม้แข็ง เป็นวงปี่พาทย์สามัญสำหรับบรรเลงประกอบการแสดงและบรรเลงในพิธีกรรมทั่วไป ที่เรียกว่าปี่พาทย์ไม้แข็ง เพราะว่าใช้ไม้ตีเรียกว่า ไม้แข็ง มีเสียงดังแกร่งกร้าวกังวาน วงปี่พาทย์ไม้แข็งแบ่งออกเป็น 3 ขนาด คือ วงปี่พาทย์เครื่องห้า วงปี่พาทย์เครื่องคู่ และวงปี่พาทย์เครื่องใหญ่สำหรับวงปี่พาทย์เครื่องใหญ่ในปัจจุบันใช้ปี่เพียงเลาเดียว คือ ปี่ใน และสำหรับเครื่องกำกับจังหวะที่นอกเหนือจากฉิ่ง ได้แก่ ฉาบเล็ก ฉาบใหญ่ กรับ และโหน่ง จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้แล้วแต่โอกาสของการนำวงดนตรีไปใช้ ซึ่งจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน(2) วงปี่พาทย์ไม้นวม เป็นวงปี่พาทย์ที่มีเครื่องดนตรีและขนาดของวงเหมือนกับวงปี่พาทย์สามัญ มีส่วนที่แตกต่าง คือ ใช้ขลุ่ยเพียงออแทนปี่ เพิ่งซออู้เข้าไปเพื่อให้เสียงนุ่มนวลขึ้น และระนาดเอกกับระนาดเอกเหล็กใช้ไม้นวมตีการใช้ไม้นวมตีระนาดเอกไม้ในวงปี่พาทย์ไม้นวม(3) วงปี่พาทย์มอญ วงปี่พาทย์มอญในปัจจุบันนิยมใช้บรรเลงในงานศพ แบ่งขนาดของวงออกเป็น 3 ขนาดเหมือนวงปี่พาทย์สามัญของไทย คือ วงปี่พาทย์มอญเครื่องห้า วงปี่พาทย์มอญเครื่องคู่ และวงปี่พาทย์มอญเครื่องใหญ่(4) วงปี่พาทย์นางหงส์ เป็นวงปี่พาทย์ที่มีเครื่องดนตรีและขนาดของวงเหมือนกับวงปี่พาทย์สามัญ แต่มีส่วนที่แตกต่างไปเล็กน้อยก็คือ ใช้ปี่ชวาแทนปี่ในและปี่นอก ใช้กลองมลายูแทนตะโพนและกลองทัด ในอดีตวงปี่พาทย์นางหงส์ใช้บรรเลงในงานศพเพียงอย่างเดียว เหตุที่เรียกว่าวงปี่พาทย์นางหงส์ก็เพราะใช้เพลงนางหงส์เป็นหลักสำคัญในการบรรเลง ในปัจจุบันนี้วงปี่พาทย์นางหงส์ไม่ค่อยมีผู้นิยมใช้ แต่จะใช้วงปี่พาทย์มอญแทน(5) วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ เป็นวงปี่พาทย์ที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานนุริศรานุวัดติวงศ์ทรงปรับปรุงขึ้นใหม่สำหรับใช้ประกอบการแสดงละคร ซึ่งเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว. หลาน กุญชร) คิดปรับปรุงขึ้นใหม่หลังจากที่ได้แบบอย่างจากละครโอเปราของยุโรป และนำมาแสดงรับแขกเมืองครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2442 ที่โรงละครดึกดำบรรพ์จึงได้ชื่อว่า “ละครดึกดำบรรพ์” และวงปี่พาทย์ก็เรียกว่าวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ไปด้วย วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ปัจจุบันหาฟังได้ยาก เพราะโอกาสที่ใช้มีน้อย ส่วนมากจะใช้วงปี่พาทย์ไม้นวมแทน(6) วงปี่พาทย์เสภา เป็นวงปี่พาทย์ที่มีเครื่องดนตรีและขนาดของวงเหนือนวงปี่พาทย์สามัญทุกประการ แต่ไม่มีตะโพนและกลองทัดเพราะไม่มีการบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ จะใช้กลองสองหน้าสำหรับตีกำกับจังหวะหน้าทับแทนเวลาร้องส่งหรือบรรเลงดนตรีน่ารู้เครื่องเป่าในวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์สมัยก่อนใช้ขลุ่ยรองออ หรือขลุ่ยทุ้มเป่าบรรเลงอยู่ในวงปัจจุบันไม่ที่นิยมเพราะหายาก



ที่มา : หนังสือเรียนดนตรี-นาฎศิลป์ ม.4 บที่1

ดนตรีอีสาน

ภาพจาก http://www.isangate.com/images1/banyen2.jpg

โปงลาง

คณะโปงลาง หรือนิยมเรียกว่า วงโปงลาง นั้น คาดว่าได้ชื่อนี้มาจาก... เครื่องดนตรีที่ดังที่สุดในวงคือ โปงลาง (กรณีไม่ใช้เครื่องขยายเสียง) ดังนั้น เลยเรียกวงดนตรีนั้นว่า วงโปงลาง หรืออีกที่มาหนึ่ง คือ โปงลาง เป็นเครื่องดนตรีเด่น กำลังมาแรง เป็นจุดขายของวง จึงตั้งชื่อว่า วงโปงลาง ซึ่งบางแห่ง อาจจะไม่ใช้ชื่อว่าวงโปงลาง แต่ใช้ชื่อว่าวงแคน หรือวงพิณ ก็มีวงโปงลาง แม้จะใช้ชื่อว่า วงโปงลาง ก็ไม่ได้หมายความว่า มีเฉพาะโปงลางอย่างเดียว แต่มีเครื่องดนตรีอื่นๆ อีกหลายชนิด ร่วมบรรเลงวงโปงลาง ในสมัยก่อน เป็นแบบพื้นบ้านจริงๆ ไม่มีเครื่องขยายเสียง ใช้เสียงสดๆ ของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นเลยทีเดียว ซึ่งเครื่องดนตรีหลักๆ แบบเต็มวง ประกอบด้วยโปงลางพิณโปร่ง (ชนิดที่มีกล่องเสียงใหญ่ๆ)แคนโหวดไหซอง (ยังไม่มีพิณเบส)กลองหาง (กลองยาวอีสาน)รำมะนา หรือกลองตุ้มหมากกะโหล่ง (หมากป็อกๆ) หรือใช้หมากกั๊บแก๊บฉาบเล็กฉาบใหญ่เสียงดนตรีที่ได้ จะให้ความรู้สึกคลาสิคแบบพื้นบ้านจริงๆต่อมาเมื่อ เมื่อเทคโนโลยีเจริญขึ้น จึงได้ปรับเปลี่ยน ประยุกต์ให้เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งเครื่องดนตรีวงโปงลางยุคปัจจุบัน แบบเต็มวง ประกอบด้วยโปงลางพิณไฟฟ้า (หรือพิณโปร่งไฟฟ้า)แคนโหวดพิณเบสไฟฟ้าไหซอง (โชว์ลีลานางดีดไห)กลองหาง (กลองยาวอีสาน)รำมะนา หรือกลองตุ้มหมากกะโหล่ง (หมากป็อกๆ) หรือใช้หมากกั๊บแก๊บฉาบเล็กฉาบใหญ่แฉบางวงใช้เครื่องดนตรีต่อไปนี้ ด้วยฉิ่งฆ้องโหม่งปี่ภูไทซอหึนบางวงที่ประยุกต์เพื่อสนุกสนานบันเทิง ก็อาจใช้กลองชุดสากลแซคโซโฟนกลองยาวติดคอนแท็คลักษณะการแสดงของวงโปงลางพื้นบ้านนั้น หลักๆ จะมี 3 ลักษณะคือการบรรเลงลายเพลงพื้นบ้านอีสาน (นิยมเรียกว่า ลายบรรเลง)การฟ้อนประกอบดนตรี (นิยมเรียกว่า ชุดการแสดง)การร้อง ลำ ประกอบดนตรี รวมถึงประกอบการฟ้อนรำ





ที่มา : ขอบคุณ http://www.isan.clubs.chula.ac.th/dontri/index.php?transaction=vongponglang.php