1. ประเภทของวงดนตรีวงดนตรีที่เราพบเห็นในโอกาสต่างๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นวงดนตรีไทย วงดนตรีสากล หรือ วงดนตรีอื่นๆ ล้วนแต่มีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามชนิดและประเภทของวงดนตรีนั้นๆ ซึ่งดังนี้1.1 วงดนตรีไทยวงดนตรีไทยในปัจจุบันถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ1) วงเครื่องสาย คือ วงดนตรีที่ประกอบด้วยเครื่องสายเป็นหลัก โดยมีเครื่องเป่าเป็นส่วนประกอบ และมีเครื่องตีเป็นเครื่องประกอบจังหวะ เครื่องดนตรีเหล่านี้จะมีจำนวนมากน้อยเพียงใดจะขึ้นอยู่กับขนาดของวง ซึ่งวงเครื่องสายได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้(1) วงเครื่องสายไทย เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา และพัฒนาเป็นวงเครื่องสายที่ชัดเจนในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ วงเครื่องสายไทยประกอบด้วย วงเครื่องสายเล็ก (เครื่องเดี่ยว) และวงเครื่องสายคู่(2) วงเครื่องสายผสม ในสมัยกรุงรัตนกสินทร์มีผู้นำเอาเครื่องดนตรีของต่างชาติเข้ามาร่วมบรรเลงในวงเครื่องสาย ได้แก่ ไวโอลิน ออร์แกน ขิม และเปียโน แล้วเรียกชื่อใหม่ตามชื่อเครื่องดนตรีที่นำมาผสม เช่น วงดนตรีเครื่องสายผสมขิม เป็นต้น(3) วงเครื่องสายปี่ชวา เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยการนำวงเครื่องสายและวงกลองแขกมาผสมกัน และในสมัยนั้นเรียกว่า “วงกลองเครื่องใหญ่ ” แต่ได้มีการปรับปรุงเครื่องดนตรีบางชนิดตามความเหมาะสม2) วงปี่พาทย์ คือ วงดนตรีที่ประกอบด้วยเครื่องตีเป็นหลัก โดยมีเครื่องเป่า คือ ปี่ เป็นประธานมีเครื่องกำกับจังหวะเป็นส่วนประกอบ วงปี่พาทย์มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย และได้มีกรปรับปรุงพัฒนาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ในบรรดาวงดนตรีไทยทั้งหลายถือว่าวงปี่พาทย์เป็นวงดนตรีที่เป็นหลักฐานมั่นคงกว่าวงอื่นๆ เนื่องจากวงปี่พาทย์สามารถบรรเลงเพลงได้ครบถ้วน กว้างขวางมีเสียงเรียงลำดับมากกว่า และใช้บรรเลงในกรณีต่างๆ ได้มากมายหลายอย่าง สามารถแยกวิธีการผสมวงตามประเภทของวงและจำนวนเครื่องดนตรี ดังนี้(1) วงปี่พาทย์ไม้แข็ง เป็นวงปี่พาทย์สามัญสำหรับบรรเลงประกอบการแสดงและบรรเลงในพิธีกรรมทั่วไป ที่เรียกว่าปี่พาทย์ไม้แข็ง เพราะว่าใช้ไม้ตีเรียกว่า ไม้แข็ง มีเสียงดังแกร่งกร้าวกังวาน วงปี่พาทย์ไม้แข็งแบ่งออกเป็น 3 ขนาด คือ วงปี่พาทย์เครื่องห้า วงปี่พาทย์เครื่องคู่ และวงปี่พาทย์เครื่องใหญ่สำหรับวงปี่พาทย์เครื่องใหญ่ในปัจจุบันใช้ปี่เพียงเลาเดียว คือ ปี่ใน และสำหรับเครื่องกำกับจังหวะที่นอกเหนือจากฉิ่ง ได้แก่ ฉาบเล็ก ฉาบใหญ่ กรับ และโหน่ง จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้แล้วแต่โอกาสของการนำวงดนตรีไปใช้ ซึ่งจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน(2) วงปี่พาทย์ไม้นวม เป็นวงปี่พาทย์ที่มีเครื่องดนตรีและขนาดของวงเหมือนกับวงปี่พาทย์สามัญ มีส่วนที่แตกต่าง คือ ใช้ขลุ่ยเพียงออแทนปี่ เพิ่งซออู้เข้าไปเพื่อให้เสียงนุ่มนวลขึ้น และระนาดเอกกับระนาดเอกเหล็กใช้ไม้นวมตีการใช้ไม้นวมตีระนาดเอกไม้ในวงปี่พาทย์ไม้นวม(3) วงปี่พาทย์มอญ วงปี่พาทย์มอญในปัจจุบันนิยมใช้บรรเลงในงานศพ แบ่งขนาดของวงออกเป็น 3 ขนาดเหมือนวงปี่พาทย์สามัญของไทย คือ วงปี่พาทย์มอญเครื่องห้า วงปี่พาทย์มอญเครื่องคู่ และวงปี่พาทย์มอญเครื่องใหญ่(4) วงปี่พาทย์นางหงส์ เป็นวงปี่พาทย์ที่มีเครื่องดนตรีและขนาดของวงเหมือนกับวงปี่พาทย์สามัญ แต่มีส่วนที่แตกต่างไปเล็กน้อยก็คือ ใช้ปี่ชวาแทนปี่ในและปี่นอก ใช้กลองมลายูแทนตะโพนและกลองทัด ในอดีตวงปี่พาทย์นางหงส์ใช้บรรเลงในงานศพเพียงอย่างเดียว เหตุที่เรียกว่าวงปี่พาทย์นางหงส์ก็เพราะใช้เพลงนางหงส์เป็นหลักสำคัญในการบรรเลง ในปัจจุบันนี้วงปี่พาทย์นางหงส์ไม่ค่อยมีผู้นิยมใช้ แต่จะใช้วงปี่พาทย์มอญแทน(5) วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ เป็นวงปี่พาทย์ที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานนุริศรานุวัดติวงศ์ทรงปรับปรุงขึ้นใหม่สำหรับใช้ประกอบการแสดงละคร ซึ่งเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว. หลาน กุญชร) คิดปรับปรุงขึ้นใหม่หลังจากที่ได้แบบอย่างจากละครโอเปราของยุโรป และนำมาแสดงรับแขกเมืองครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2442 ที่โรงละครดึกดำบรรพ์จึงได้ชื่อว่า “ละครดึกดำบรรพ์” และวงปี่พาทย์ก็เรียกว่าวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ไปด้วย วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ปัจจุบันหาฟังได้ยาก เพราะโอกาสที่ใช้มีน้อย ส่วนมากจะใช้วงปี่พาทย์ไม้นวมแทน(6) วงปี่พาทย์เสภา เป็นวงปี่พาทย์ที่มีเครื่องดนตรีและขนาดของวงเหนือนวงปี่พาทย์สามัญทุกประการ แต่ไม่มีตะโพนและกลองทัดเพราะไม่มีการบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ จะใช้กลองสองหน้าสำหรับตีกำกับจังหวะหน้าทับแทนเวลาร้องส่งหรือบรรเลงดนตรีน่ารู้เครื่องเป่าในวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์สมัยก่อนใช้ขลุ่ยรองออ หรือขลุ่ยทุ้มเป่าบรรเลงอยู่ในวงปัจจุบันไม่ที่นิยมเพราะหายาก
ที่มา : หนังสือเรียนดนตรี-นาฎศิลป์ ม.4 บที่1